VOIP มีความสำคัญต่อประเทศไทยหรือไม่?

บทความดีๆที่จะทำให้เข้าใจ VoIP มากยิ่งขึ้น

Moderator: jubjang

VOIP มีความสำคัญต่อประเทศไทยหรือไม่?

โพสต์โดย ninesme » 11 ธ.ค. 2009 01:04

ผมกำลังสงสัยอยู่ว่า VOIP นั้น จำเป็นต่อคนไทยหรือไม่ สามารถตอบสนองได้อย่างไรต่อองค์กรหรือบุคคลธรรมดา อยากให้แจกแจงประโยชน์ที่แท้จริงอีกทีครับ :ugeek:
ninesme
 
โพสต์: 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ธ.ค. 2009 01:01

Re: VOIP มีความสำคัญต่อประเทศไทยหรือไม่?

โพสต์โดย voip4share » 11 ธ.ค. 2009 12:30

เป็นคำถามแรกของบอร์ดเลยนะครับ ขอบคุณมากครับ ;)

โดยส่วนตัวแล้วนะครับ VoIP มีความสำคัญต่อประเทศไทยและคนไทยมากพอสมควร ทั้งในด้านของผู้ใช้บริการรายบุคคล องค์กรธุรกิจ การทำธุรกิจ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้ติดต่อสื่อสารกันในราคาที่ถูกลง มีช่องทางในการติดต่อสื่อสารเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดธุรกิจใหม่ๆขึ้นมา คนที่มีงบประมาณจำกัด ก็สามารถดำเนินธุรกิจได้ เชื่อมั๊ยครับว่า เราสามารถก่อตั้งบริษัทและให้บริการลูกค้าได้ โดยมีพนักงานประมาณ 2-3 คนเท่านั้น และมีเงินลงทุนเริ่มต้นเพียงแค่ 1 แสน บาทหรือต่ำกว่านั้นอีก ส่วนมูลค่าตลาดในปัจจุบันผมไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมีมูลค่าเท่าไหร่กันแน่ แต่ก็พอจะเดาๆได้ว่ามันมากมาย เพราะเมื่อก่อน cat telecom เคยประกาศว่ามีรายได้จากโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศปีละนับหมื่นล้านบาท

ประโยชน์ที่เกิดกับบุคคลธรรมดา

1. ทำให้คนไทยได้ใช้โทรศัพท์ในราคาที่ถูกลง โดยเฉพาะโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศ
ประโยชน์นี้มีผลโดยตรงต่อคนไทยครับ เมื่อก่อนการโทรทางไกลระหว่างประเทศมี กสท (การสื่อสารแห่งประเทศไทย - ชื่อใหม่คือ CAT Telecom) ผูกขาดเพียงเจ้าเดียว ค่าโทรศัพท์จึงแพง โทรแต่ละครั้งก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก
และเมื่อเทคโนโลยี VoIP เข้ามา ก็ทำให้ค่าโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศถูกลงมาก ตอนนี้โทรไปอเมริกาเริ่มต้นนาทีละไม่เกิน 50 สตางค์แล้วครับ สาเหตุก็เพราะค่าใช้จ่ายในการลงทุนต่ำมาก ค่าดำเนินงานก็ต่ำ โครงข่ายระหว่างทางก็ไม่ต้องลงทุนเอง เพราะอาศัยโครงข่ายอินเตอร์เน็ตที่มีอยู่แล้ว

ปัจจุบันไม่เพียงแต่คนไทยในประเทศไทยเท่านั้นที่ใช้บริการ VoIP บรรดาชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน ท่องเที่ยว และศึกษา ก็ได้ใช้บริการนี้โทรกลับไปยังประเทศของตนเอง

2. เพิ่มช่องทางใหม่ๆในการติดต่อสื่อสาร
สมัยก่อนเรามีช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันไม่มากนัก เช่น โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น แต่ในปัจจุบันที่ VoIP เข้ามามีบทบาท ทำให้เรามีช่องทางในการติดต่อเพิ่มมากขึ้น เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์รูปร่างแปลกๆที่ต่อกับสาย LAN แทนที่จะต่อกับเบอร์โทรศัพท์ (เรียกว่า IP Phone), WiFi Phone (รูปร่างคล้ายโทรศัพท์ไร้สาย แต่ใช้คลื่นความถี่เดียวกับ Wireless Lan 802.11a/b/g), Smart Phone, PDA ซึ่งสื่อสารโดยใช้ช่องสัญญาณของ WiFi เป็นต้น

3. ไม่เพียงแต่ได้ยินเสียง ยังเห็นหน้าคู่สนทนาได้อีกด้วย
ที่ผ่านมาการติดต่อทางโทรศัพท์เรามักจะได้ยินแต่เสียงพูดเท่านั้น แต่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยี VoIP เราสามารถเห็นหน้าของคู่สนทนาได้ด้วย (ติดตั้งอุปกรณ์ที่เรียกว่า Video Phone เพิ่มเติม หรือโปรแกรม Softphone ที่รองรับ Video) เป็นการเพิ่มอรรถรสในการติดต่อสื่อสารอีกรูปแบบหนึ่ง

ประโยชน์ที่เกิดกับองค์กร

1. ลดค่าใช้จ่ายในการติดต่อลูกค้า หรือคู่ค้าทางธุรกิจ
ตามปกติบริษัทจะติดต่อกับลูกค้าโดยช่องทางการโทรศัพท์ เทคโนโลยี VoIP จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการโทรหาลูกค้าต่ำลง ปัจจุบันองค์กรต่างๆได้หันมาใช้บริการ VoIP แทบจะทั้งหมดแล้ว เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าทำให้ประหยัดค่าโทรศัพท์ลงไปได้มาก ทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจลดลง องค์กรขนาดใหญ่อาจจะลงทุนติดตั้งระบบ VoIP เป็นของตนเองและเช่าใช้เบอร์โทรศัพท์จากผู้ให้บริการเพื่อใช้ในการโทรออกในราคาต่ำ ส่วนองค์กรขนาดเล็กถึงปานกลางจะใช้วิธีการติดตั้ง VoIP Gateway, VoIP ATA หรือ IP Phone เชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ตไปยังผู้ให้บริการ VoIP

2. สามารถติดต่อกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ครั้งละปริมาณมากๆ
ด้วยเทคโนโลยี VoIP ซึ่งทำให้ค่าโทรศัพท์ลดลง และการประยุกต์ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Predictive Dialer โดยการบันทึกเสียงที่ต้องการประชาสัมพันธ์ไว้ก่อนแล้ว จากนั้นให้ระบบโทรหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายครั้งละหลายๆราย แล้วเล่นเสียงที่ต้องการสื่อถึงกลุ่มลูกค้า โดยไม่ต้องใช้พนักงานเป็นคนพูด หากลูกค้าต้องการข้อแนะนำเพิ่มเติมก็สามารถกดหมายเลขที่กำหนดไว้และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้

3. การติดต่อกับบริษัทสาขาได้ถูกลง
ก่อนที่จะมีเทคโนโลยี VoIP การติดต่อระหว่างสาขาของบริษัทจะโทรผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานเช่น TOT, TRUE, TT&T หรือผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายอยู่ระดับหนึ่ง แต่เมื่อมีการนำ VoIP เข้ามาใช้ โดยการติดตั้งอุปกรณ์ VoIP Gateway, VoIP ATA, IP Phone ที่สาขาต่างๆ ก็ทำให้ติดต่อระหว่างกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง และฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายทั้งการโทรศัพท์และรับส่งแฟ็กซ์
ในการนำ VoIP เข้ามาใช้งานนั้น องค์กรเพียงลงทุนเพิ่มอีกเล็กน้อย (หลักพันบาทต่อสาขา) แต่สามารถลดต้นทุนค่าโทรศัพท์ลงไปได้มากมาย โครงข่ายเชื่อมต่อสำหรับ VoIP ก็สามารถใช้ร่วมกับโครงข่ายสื่อสารที่มีอยู่แล้วได้ เช่น Internet, Virtual Private Network, Leased Line, Frame Relay, ADSL เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะมีออฟฟิศอยู่ที่ไหนในโลก หากมีอินเตอร์เน็ตเชื่อมต่อถึง ก็สามารถติดต่อกันได้ตลอดเวลาและที่สำคัญไม่เสียค่าใช้จ่าย ต้องขอบคุณเทคโนโลยี VoIP ครับ

4. ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาประชุม
นอกจากสามารถลดค่าโทรศัพท์แล้ว เทคโนโลยี VoIP ยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาประชุม และเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางได้อีกด้วย กล่าวคือ เทคโนโลยี VoIP นี้สามารถใช้ในการประชุมได้ ทั้งการประชุมด้วยเสียง (Audio conference) และการประชุมด้วยภาพและเสียง (Video and Audio Conference หรือเรียกสั้นๆว่า Video Conference) ทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาในการเดินทางไปประชุม

5. มีระบบสื่อสารภายในองค์กรโดยใช้งบประมาณลงทุนเล็กน้อย
องค์กรที่ต้องการปรับเปลี่ยนระบบสื่อสารเดิมๆ เช่น ตู้สาขาโทรศัพท์แบบอนาล๊อก ที่รองรับความต้องการได้จำกัดและขยายไม่ได้แล้ว ก็สามารถปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบ VoIP ทำหน้าที่แทนได้ สามารถขยายเพิ่มได้เรื่อยๆ จากตู้สาขาโทรศัพท์ธรรมดาก็เปลี่ยนไปเป็นตู้สาขาโทรศัพท์ IP หรือ IP PBX แทน
นอกจากนั้นองค์กรที่ก่อตั้งใหม่ ซึ่งโดยทั่วไปจะติดตั้งตู้สาขาโทรศัพท์ ก็เปลี่ยนไปเป็นติดตั้ง IP PBX แทน ก็จะประหยัดไปได้มาก เพราะสามารถขยายได้เรื่อยๆ และที่สำคัญไม่ต้องเดินสายโทรศัพท์

6. เพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจ สินค้าและบริการ ได้ด้วยงบประมาณที่ไม่แพง
องค์กร์ที่จะต้องติดต่อกับลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ต้องให้บริการลูกค้า รับแจ้งปัญหาจากลูกค้า โดยมากมักจะติดตั้งระบบ Call Center ไว้รองรับความต้องการดังกล่าว ระบบ Call Center สามารถนำเทคโนโลยี VoIP มาทำได้ ซึ่งลงทุนไม่มากเพียงแค่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟแวร์ และ IP Phone ก็สามารถมีระบบ Call Center ประสิทธิภาพสูงได้แล้ว

7. ติดต่อสื่อสารระหว่างพนักงานในองค์กรโดยไร้ขีดจำกัด
สมัยก่อนเมื่อพนักงานโดยเฉพาะผู้บริหารเดินทางไปต่างประเทศ องค์กรมักจะเปิดบริการ Roaming เบอร์โทรศัพท์เพื่อให้สามารถติดต่อได้เมื่อต้องการ เป็นที่รู้กันดีกว่าอัตราค่าบริการ Roaming คิดเป็นนาที และเป็นจำนวนเงินไม่ใช่น้อยเลย แต่ด้วยเทคโนโลยี VoIP ทำให้ความต้องการ Roaming หมดไป พนักงานสามารถใช้โปรแกรม Softphone ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือใช้ WiFi Phone หรือใช้โปรแกรมในเครื่องโทรศัพท์แบบ Smart Phone ออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตมาที่บริษัท เสมือนหนึ่งเป็นเบอร์ภายในของบริษัท เมื่อต้องการติดต่อก็สามารถโทรหาเบอร์ภายในนั้นได้ทันที

ประโยชน์ในแง่ของการก่อตั้งธุรกิจให้บริการ VoIP

1. ทำให้ให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ๆ
สำหรับบุคคลที่เห็นแนวโน้มการเจริญเติบโตของธุรกิจทางด้าน VoIP ถึงแม้ว่าจะมีงบประมาณการลงทุนจำกัด ก็สามารถเริ่มต้นทำธุรกิจ VoIP ได้ง่ายๆครับ มีพนักงานเพียง 2-3 คน มีเงินลงทุนเริ่มต้นหลักหมื่นปลายๆก็ทำได้แล้ว แต่ที่สำคัญก็คือก่อนให้บริการลูกค้าอย่าลืมขอไลเซ่นจาก กทช ก่อนดำเนินงานนะครับ จะได้ดำเนินธุรกิจได้อย่างสบายใจทั้งผู้ให้และผู้ใช้บริการ

2. เกิดธุรกิจอื่นๆตามมา
เมื่อมีผู้ประกอบการทางด้าน VoIP เพิ่มขึ้น ก็จะมีธุรกิจอื่นๆเพิ่มเติมขึ้นมาอีกมาก เช่น
2.1 ผลิตอุปกรณ์ VoIP เช่น VoIP Gateway, ATA, WiFi Phone, IPPBX, GSM + VoIP Gateway เป็นต้น
2.2 ผลิตโปรแกรม VoIP ทั้งโปรแกรมแบบ Open Source และ Commercial เช่นโปรแกรม Asterisk, GNUGK, OpenSIPs, VoIPSwitch, Entice เป็นต้น
2.3 ผลิตโปรแกรม Billing สำหรับเชื่อมต่อกับโปรแกรม VoIP เพื่อคิดค่าบริการโทรออก (และโทรเข้า) เช่นโปรแกรม A2Billing, ASTBilling, Aradial เป็นต้น
2.4 ร้านค้าที่เปิดให้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ โดยมากมักจะติดตั้งไว้ตามโรงแรมที่พัก หรือร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทผู้ให้บริการ VoIP อีกทอดหนึ่ง
2.5 ตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ข้างต้น

2. ทำให้มีการแข่งขันในทางธุรกิจ
เมื่อมีผู้ให้บริการในตลาดมากขึ้น ก็จะเกิดการแข่งขันกันเองทั้งในด้านการให้บริการและราคา ไม่เช่นนั้นลูกค้าจะเปลี่ยนไปใช้บริการจากผู้ให้บริการรายอื่น ผลประโยชน์จากการแข่งขันดังกล่าวจะตกอยู่ที่ผู้ใช้บริการ ทำให้ได้ใช้บริการที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม

3. ไม่เกิดการผูกขาดทางธุรกิจ
สมัยก่อนมี กสท ผูกขาดการให้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศเพียงเจ้าเดียว แต่ปัจจุบันนี้มีผู้ให้บริการหลายรายที่ทำแบบเดียวกันได้ ส่งผลโดยตรงต่อผุ้ใช้บริการ

4. ก่อให้เกิดอาชีพใหม่ๆขึ้นมา
อาชีพที่ผมว่านี้ก็คือ VoIP Freelance หรืออาชีพมือปืนรับจ้างทางด้าน VoIP ครับ สำหรับคนที่มีประสบการณ์ทางด้านนี้และยังไม่พร้อมที่จะมีธุรกิจเป็นของตนเอง ก็สามารถเป็นมือปืนรับจ้าง เป็นที่ปรึกษาให้แก่บริษัท VoIP ที่เพิ่งจะเริ่มต้นและต้องการผู้ชำนาญการมาช่วยทางด้านเทคนิค รายได้ไม่แพ้ฟรีแลนซ์สาขาอื่นๆครับ ทำงานออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตได้อีกต่างหาก แค่มีโน๊ตบุ๊ค เน็ตบุ๊ค หรือคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ตก็ทำงานได้แล้ว

โดยสรุปแล้วนะครับ เทคโนโลยี VoIP นี้มีประโยชน์มากต่อคนไทยและประเทศไทย ซึ่งคนไทยโชคดีที่รัฐบาลไม่ปิดกั้นเทคโนโลยีนี้ ไม่เหมือนกับบางประเทศที่ถือว่าเป็นของต้องห้าม แต่อย่างไรก็ตามการโทรศัพท์ผ่าน VoIP ก็มีคุณภาพยังไม่เทียบเท่ากับการโทรศัพท์ผ่านช่องทางปกติ แต่ก็ไม่ใช่ว่าถึงกับแย่มากมาย ไม่ได้แย่อะไรมากมายขนาดนั้นหรอกครับ แค่กดโทรออก 10 ครั้ง ก็อาจโทรไม่ติดสัก 1-2 ครั้ง ไม่ก็หลังจากกดเบอร์เสร็จแล้วก็อาจถือสายรอนานขึ้นเล็กน้อย บางครั้งและนานๆครั้งที่โทรๆอยู่สายก็หลุดไปเฉยๆก็มี :lol: หรือถ้าเป็นองค์กรที่เชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ตและใช้ลิ้งค์เดียวทั้งวอยส์และดาต้า บางครั้งอาจมีปัญหาเรื่องเสียงขาดหายบ้าง เสียงสะท้อนบ้าง ซึ่งถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของการติดต่อสื่อสารผ่านช่องทางนี้ เราก็จะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติไม่ซีเรียสอะไรเลยครับ

ปัจจุบันมีผู้ให้บริการโทรศัพท์หลายรายที่กระโดดเข้ามาให้บริการ VoIP ด้วย ได้แก่
- TOT ให้บริการ "TOT NetCall"
- True ให้บริการ "True NetTalk"
- TT&T ให้บริการ "Call Cafe"
- CAT ให้บริการ "Cat2Call, Cat2Call Plus"
และมีผู้ให้บริการรายย่อยได้แก่
- EasySIP ของบริษัท อีซี่ ซิสเต็ม เทเลคอม จำกัด (www.thaisip.com)
- MouthMun ของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เน็ต จำกัด (www.mouthmun.com)

บทความข้างบนทั้งหมดนั้น ผมเขียนขึ้นมาด้วยประสบการณ์ที่ได้ทำ VoIP มากว่า 8 ปีนะครับ ถึงแม้ว่าจะไปเหมือนหรือคล้ายกับที่อื่น แต่ผมก็ไม่ได้ไปลอกของเขามานะครับ :D
voip4share
Administrator
 
โพสต์: 656
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ย. 2009 11:26
ที่อยู่: รามคำแหง กรุงเทพฯ

Re: VOIP มีความสำคัญต่อประเทศไทยหรือไม่?

โพสต์โดย ninesme » 11 ธ.ค. 2009 12:35

ขอบคุณมากครับที่ได้ร่วมตอบกลับมา จริงๆผมมีความสนใจ VOIP มาเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้มีความรู้ชัดเจนเท่าไร ผมเคยเห็นบริษัทเก่าผมทำลักษณะ VOIP ในการรับสายผ่านเบอร์ 02 รับสายผ่านคอมพิวเตอร์แทน ไม่ทราบเคสนี้ใช่ VOIP รึเปล่า และ VOIP เราสามารถจำลองเบอร์โทรศัพท์เองได้หรือไม่ หรือว่าเราต้องไปขอเบอร์มาก่อน :?:
ninesme
 
โพสต์: 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ธ.ค. 2009 01:01

Re: VOIP มีความสำคัญต่อประเทศไทยหรือไม่?

โพสต์โดย voip4share » 11 ธ.ค. 2009 19:40

ninesme เขียน:ขอบคุณมากครับที่ได้ร่วมตอบกลับมา จริงๆผมมีความสนใจ VOIP มาเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้มีความรู้ชัดเจนเท่าไร ผมเคยเห็นบริษัทเก่าผมทำลักษณะ VOIP ในการรับสายผ่านเบอร์ 02 รับสายผ่านคอมพิวเตอร์แทน ไม่ทราบเคสนี้ใช่ VOIP รึเปล่า และ VOIP เราสามารถจำลองเบอร์โทรศัพท์เองได้หรือไม่ หรือว่าเราต้องไปขอเบอร์มาก่อน :?:


กรณีแบบนั้นอาจจะใช่หรืออาจจะไม่ใช่ VoIP ครับ ดังนี้

1. จะเป็น VoIP ถ้าเบอร์ 02 มาเข้าที่อุปกรณ์อะไรสักอย่างหนึ่ง อาจเป็น Computer, Server หรือ VoIP Gateway แล้วเซ็ตให้มีการส่งสายที่โทรเข้ามา มายัง Computer และการติดต่อสื่อสารระหว่าง Computer นั้นใช้เทคโนโลยี VoIP อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น SIP หรือ H.323 หรือ MGCP หรือ IAX หรือ Skinny หรือโปรโตคอลอื่นๆ เป็นต้น
2. จะไม่เป็น VoIP ถ้าเอาเบอร์ 02 มาเข้าที่เครื่อง computer และรับสายจากเครื่องนั้นเลย ไม่ได้ส่งไปหาเครื่องอื่นอีก หรือไม่ได้ใช้เทคโนโลยี VoIP ในการเชื่อมต่อระหว่างผู้ที่โทรเข้ามากับผู้ที่รับสาย

สรุปก็คือ ถ้าระหว่างต้นทางและปลายทาง มีจุดใดจุดหนึ่งเป็น VoIP (การรับส่งข้อมูลเป็นไปตามมาตรฐาน VoIP อย่างใดอย่างนึ่ง ได้แก่ SIP, H.323, MGCP, Skinny, IAX หรือโปรโตคอลอื่นๆ) ก็ถือว่าเป็น VoIP แล้วครับ

ระบบ VoIP เราสามารถกำหนดเบอร์ของเราเองได้ครับ แต่ว่าเราต้องมี VoIP Server ของเราเอง และกำหนดเบอร์ Extension ให้แก่เครื่องที่จะเข้ามาใช้งาน (หรือเรียกว่าเข้ามารีจิสเตอร์) ลองมอง VoIP เหมือนกับตู้สาขาโทรศัพท์ก็ได้ครับ ซึ่งต้องมีเบอร์ภายในหรือที่เรียกกันว่าเบอร์ Extension นั่นแหล่ะครับ เพียงแต่ต่างกันตรงที่ถ้าเป็นตู้สาขาโทรศัพท์เบอร์ภายในก็ต้องเป็นเครื่องโทรศัพท์หรือไม่ก็เครื่องแฟ็กซ์ แต่สำหรับ VoIP แล้วเครื่องที่จะเอามาต่ออาจจะเป็น IP Phone, VoIP Gateway, VoIP ATA, GSM Gateway, WiFi Phone, Softphone ครับ และที่สำคัญมันเชื่อมต่อทางสาย Lan หรือ Internet แทน นั่นหมายความว่า เครื่องเหล่านี้จะอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ที่มีอินเตอร์เน็ต

เบอร์ที่เราตั้งจะเป็นกี่หลักก็ได้ครับ ตามใจชอบ เช่น 2 หลัก หรือ 3 หลัก หรือ 4 หลัก หรือจะ 5 หลักขึ้นไปก็ได้ แต่จะจำยากนะครับ :roll:

คงมองภาพออกนะครับว่า ถ้าเราต้องการติดต่อเฉพาะในองค์กร ไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกเลย ก็ไม่จำเป็นต้องขอเบอร์แต่อย่างใด ตั้งเอาเองเลยครับเพราะ VoIP Server เป็นของเราเอง เบอร์นี้จะอยู่ที่ไหนก็ได้ อยู่จังหวัดไหนก็ได้ อยู่ประเทศไหนก็ได้ อยู่ทวีปไหนก็ได้ ที่มีอินเตอร์เน็ต

ทีนี้ถ้าต้องการติดต่อกับโลกภายนอกด้วย เช่น โทรหาลูกค้า ให้ลูกค้าโทรหา ทั้งในและต่างประเทศ เราก็ต้องมีเบอร์โทรศัพท์ที่โทรไปหาเครือข่ายไหนก็ได้ เช่น เบอร์บ้าน เบอร์มือถือ ทั้งในและต่างประเทศ และเบอร์ที่เรามีก็ต้องโทรเข้าได้จากทุกโครงข่ายเหมือนกัน ถ้าเราต้องการลักษณะนี้เราถึงค่อยขอเบอร์

การขอเบอร์ก็ทำได้ 2 แบบครับ

1. ขอเบอร์โทรศัพท์แบบปกติ เหมือนกับการขอเบอร์โทรศัพท์บ้านนั่นแหล่ะครับ ถ้าเป็นเบอร์ธรรมดาหรือที่เรียกว่าเบอร์อนาล๊อก ค่าเช่าก็เบอร์ละ 107 บาทต่อเดือน ถ้าเป็นเบอร์แบบดิจิตอลที่เรียกว่า E1 (อ่านว่า อี วัน นะครับ ไม่ใช่ อี หนึ่ง) ซึ่ง 1 เบอร์สามารถใช้ได้ 30 คู่สายพร้อมๆกันอัตราค่าเช่าก็จะแพงขึ้นเป็นประมาณ 7,500 บาทต่อเบอร์ (ไม่รวมค่าติดตั้ง) ขอจาก TOT, TRUE หรือ TT&T ก็ได้ ซึ่งเขาจะลากสายโทรศัพท์เข้ามาที่เรา แล้วเราก็ต้องหาทางเอาเบอร์นั้นเข้าไปใน VoIP Server ของเราให้ได้
การนำเบอร์เข้าไปก็ทำได้ 2 แบบคือ
1.1 ติดตั้งการ์ดโทรศัพท์เข้าไปใน VoIP Server ก็เป็นการ์ด PCI, PCI Express ที่ใส่ในคอมพิวเตอร์ได้ ยกตัวอย่างเช่นการ์ดของบริษัท Digium, OpenVox, ATCOM, Rhino หรือ Sangoma ครับ การ์ด FXO ใช้ต่อกับเบอร์ธรรมดาครับ ส่วนการ์ดแบบ E1 ใช้ต่อกับเบอร์แบบดิจิตอล E1
2.2 ติดตั้ง VoIP Gateway (ที่มีพอร์ตแบบ FXO หรือแบบ E1) แล้วเอาเบอร์โทรศัพท์ใส่เข้าไปที่ Gateway จากนั้นก็เซ็ตให้มารีจิสเตอร์กับ VoIP Server ซึ่งวิธีนี้นับว่าสะดวกมากกว่าเพราะ VoIP Gateway จะสื่อสารกับ VoIP Server ผ่าน LAN หรือ Internet นั่นแสดงว่าสามารถติดตั้งได้จากที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ที่มีอินเตอร์เน็ต เบอร์ที่นำมาต่ออาจเป็นเบอร์ของต่างประเทศ ไว้รองรับลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศได้เลยนะครับ

2. ขอเบอร์โทรศัพท์แบบ DID
DID ย่อมาจาก Direct Inward Dial เป็นเบอร์โทรศัพท์พิเศษ ซึ่งผมเรียกว่าพิเศษก็เพราะว่า ไม่ต้องเดินสายโทรศัพท์ เขาส่งเบอร์มาที่ VoIP Server ของเราผ่าน Internet ครับ การติดตั้งเบอร์ในลักษณะนี้นับว่าสะดวกมาก และปัจจุบันมีผู้ให้บริการแบบนี้แล้ว เช่น Virtual Phoneline, VoIPMS เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่เป็นการให้บริการในต่างประเทศ มีเบอร์ของหลายๆประเทศจำหน่ายรวมทั้งเบอร์ของประเทศไทยด้วย อัตราค่าบริการจะแพงกว่าปกติและคิดเป็น $USD ราคาคร่าวๆประมาณ $7USD ครับ ลองเช็คจากเว็บที่ผมบอกก็ได้ เบอร์เหล่านี้สามารถโทรเข้าได้จากทุกโครงข่ายครับ และโทรได้จากทุกประเทศ

ประโยชน์อย่างหนึ่งของการขอเบอร์แบบ DID ก็คือ สามารถโทรเข้าได้จากทุกประเทศที่เรามีเบอร์อยู่ครับ ลองนึกเล่นๆดูครับ สมมุติว่าเราผลิตสินค้าอย่างหนึ่งซึ่งมีตลาดอยู่ที่ประเทศอเมริกา ลูกค้าเป็นคนอเมริกัน เราก็ไปขอเบอร์ DID ของอเมริกาแล้วลิ้งค์เข้ามาที่ VoIP Server ของเรา และแจ้งเบอร์นั้นให้ลูกค้ารู้ (ติดไว้ที่หีบห่อสินค้า) เวลาลูกค้ามีปัญหาเขาก็โทรหาเราที่เบอร์ดังกล่าว ลูกค้าเสียค่าบริการในอัตราของ Local Call ครับ ไม่ใช่ค่าทางไกลระหว่างประเทศ เพราะเบอร์เป็นเบอร์ที่อเมริกาเอง สะดวกดีนะครับ

การต่อเบอร์โทรศัพท์เข้ากับ VoIP Server จะทำให้เราติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้ครับ ไม่จำกัดเฉพาะเบอร์ภายในตัว VoIP Server เท่านั้นครับ

ผมมีแนะนำ VoIP server ไว้ในเว็บบอร์ดด้วยนะครับ ลองเข้าไปที่หัวข้อหลัก "Elasitx - Unified Communication Software" นะครับ เป็น VoIP Server แบบ Open Source จะได้มองภาพออกมากยิ่งขึ้น
voip4share
Administrator
 
โพสต์: 656
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ย. 2009 11:26
ที่อยู่: รามคำแหง กรุงเทพฯ

Re: VOIP มีความสำคัญต่อประเทศไทยหรือไม่?

โพสต์โดย ninesme » 11 ธ.ค. 2009 21:17

ขอบคุณมากที่แชร์ประสบการณ์ดีๆให้ครับ อย่างไรเดี๋ยวผมมีโอกาสจะศึกษาเพิ่มเติมอีกทีครับ :D
ninesme
 
โพสต์: 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ธ.ค. 2009 01:01

Re: VOIP มีความสำคัญต่อประเทศไทยหรือไม่?

โพสต์โดย DevilzMHZ » 17 ก.พ. 2010 13:59

ถ้ามีเบอร์ขององค์กรณ์อยู่ 1 เบอร์ ทำการต่อเข้ากับ Elastix หรือ VoIP server ชนิดต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับผู้ดูแล
เราสามารถที่จะโทรออกเข้านอกพร้อมกันได้กี่เบอร์ครับ และถ้าเบอร์ข้างนอกโทรเข้ามาภายในจะสามารถรับพร้อมกันได้ไหมครับ ถ้าได้ได้กี่ี่เบอร์ครับ
DevilzMHZ
Bronz Member
 
โพสต์: 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2010 12:18

Re: VOIP มีความสำคัญต่อประเทศไทยหรือไม่?

โพสต์โดย voip4share » 17 ก.พ. 2010 20:22

ปกตินะครับถ้าเบอร์นั้นเป็นเบอร์ PSTN ก็จะรับสายเข้า/โทรออก ได้ทีละ 1 คนครับ คือถ้าข้างนอกโทรเข้ามา ข้างในก็จะโทรออกไม่ได้ ทำนองเดียวกันถ้าข้างในกำลังโทรออกไป ข้างนอกก็จะโทรเข้ามาไม่ได้ สายจะเป็น Busy การต่อเบอร์ PSTN กับ Asterisk หรือ VoIP Server อื่นจะต่อผ่านการ์ด DAHDI หรือต่อผ่าน VoIP Gateway แบบ FXO ก็ได้ครับ

ถ้าเป็นเบอร์ DID (คือเบอร์ที่รับเข้ามาทาง E1 หรือไม่ก็ทางแชนแนล VoIP) จะขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการหน่ะครับว่าเขาจำกัดการโทรไว้ยังไงบ้าง คือถ้าเป็นการต่อแบบ E1 ก็จะโทรออกหรือรับสายเข้าได้พร้อมๆกันไม่เกิน 30 สาย เพราะว่า 1 E1 มีอยู่ 30 แชนแนล เบอร์โทรออกจะเป็นเบอร์เดียว (แต่มี 30 แชนแนล) แต่เบอร์ที่จะให้ข้างนอกโทรเข้ามาอาจจะมี 1 เบอร์ หรือ 30 เบอร์เลยก็ได้ (ใน 30 แชลแนลนั้น)

ส่วนเบอร์ที่รับเข้ามาทาง VoIP เช่น SIP อันนี้แล้วแต่ผู้ให้บริการว่าเขาจะจำกัดการโทรเข้าโทรออกไว้กี่แชนแนลพร้อมกัน ยกตัวอย่างเช่นของ TOT Netcall หรือ True NetTalk จำกัดไว้เบอร์ละ 1 แชลแนลพร้อมกัน (ถ้ากำลังโทรออกก็จะรับสายไม่ได้ และถ้ากำลังรับสายเข้าอยู่ก็จะโทรออกไม่ได้)

เบอร์ DID ที่ขายกันในต่างประเทศ ปกติเขาจะจำกัดไว้เบอร์ละ 2 แชลแนลพร้อมๆกันครับ ถ้าต้องการมากกว่านี้ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม

หวังว่าข้อมูลนี้คงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ

หนุ่ย
voip4share
Administrator
 
โพสต์: 656
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ย. 2009 11:26
ที่อยู่: รามคำแหง กรุงเทพฯ

Re: VOIP มีความสำคัญต่อประเทศไทยหรือไม่?

โพสต์โดย DevilzMHZ » 18 ก.พ. 2010 14:39

ขอบคุณครับ
DevilzMHZ
Bronz Member
 
โพสต์: 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2010 12:18

Re: VOIP มีความสำคัญต่อประเทศไทยหรือไม่?

โพสต์โดย kannm » 24 พ.ค. 2010 17:49

แล้วที่ผมเห็น บ.สื่อตะวันทำอยู่ นี่เขาทำกันแบบไหน ครับ

อยากลองทำกับที่ทำงานครับ ใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง


ลิงค์ เจ้าของเว็บครับ
http://www.suetawanmedia.co.th/
kannm
 
โพสต์: 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2010 17:45

Re: VOIP มีความสำคัญต่อประเทศไทยหรือไม่?

โพสต์โดย nuiz » 25 พ.ค. 2010 10:25

กรณีของบริษัทสื่อตะวัน เท่าที่เห็นจากหน้าเว็บไซต์ของบริษัท ผมขอแจงรายละเอียดตามนี้นะครับ
การที่บริษัทสื่อตะวันจะทำธุรกิจให้บริการแบบนี้ได้ บริษัทนี้ต้องมีอย่างน้อยๆดังต่อไปนี้ครับ

1. ใบอนุญาตจาก กชท ขอได้ไม่ยากถ้าเอกสารครบและจ่ายเงินค่าธรรมเนียม
- Internet Service Provice Type 1 License (เอามาให้บริการ VoIP หรือที่ กทช แปลเป็นไทยว่า บริการเสียงผ่านอินเตอร์เน็ต)
- International Calling Card License (เอามาให้บริการ calling card, callback)

2. โปรแกรมให้บริการ Callback/Calling Card
- Rincall ของบริษัท เป็นบริการแบบ Callback ครับ ใช้โปรแกรมทำ ผมแนะนำโปรแกรมให้ได้นะครับ ชื่อ A2Billing หรือถ้าจะทำระบบใหญ่จริงๆแนะนำโปรแกรม VOS3000 ครับ ตัวนี้รับได้ถึง 10,000 คู่สายพร้อมๆกัน
VOS3000 ไม่ฟรี และไม่ใช่ Open Source นะครับ เป็นโปรแกรม SIP/H.323 Softswitch ระดับ Enterprise ที่นิยมใช้กันในหมู่ VoIP Provider ทั่วโลก

3. โปรแกรม VoIP Server ให้บริการกับ IP Phone Linksys
- คงหนีไม่พ้น Asterisk ครับ โดยอาจจะเป็น Asterisk แท้ๆ หรือว่าใช้ Trixbox หรือ Elastix อันนี้ก็ไม่ทราบครับ ถ้าจะให้บริการระดับ 10,000 คู่สายพร้อมๆกัน แนะนำ VOS3000 ครับ อย่าไปใช้เลย Asterisk มันเล็กไปที่จะเอามาให้บริการลูกค้า

4. PSTN Trunk หรือ SIP Trunk
เป็น Trunk ที่เชื่อมต่อกับเบอร์โทรศัพท์ธรรมดา และเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการ VoIP ในต่างประเทศเพื่อให้ลูกค้าโทรออกไปเบอร์ปลายทาง ทั้งในและต่างประเทศได้ และได้ราคาต่ำๆมาถึงเริ่มต้นที่ 25 สตางค์ได้

ทั้งหมดนี้มีอยู่ในเว็บ www.voip4share.com แห่งนี้แล้วครับ แต่ต้องเปิดอ่านดูหลายบทความหน่อยนะครับ :D
** หากมีปัญหากับอุปกรณ์ที่ซื้อมาเองหรือบริการที่ทำขึ้นมาเอง ให้โพสต์ถามในเว็บบอร์ดนี้นะครับ **
** งานเร่งด่วนติดต่อว่าจ้างที่เบอร์ 08-5161-9439 อีเมล์ iamaladin@gmail.com ไลน์ NuizVoip ครับ **
nuiz
Diamond Member
 
โพสต์: 7323
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 มี.ค. 2010 09:33

ต่อไป

ย้อนกลับไปยัง พื้นฐานเกี่ยวกับ VoIP

ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน

cron