เป็นคำถามแรกของบอร์ดเลยนะครับ ขอบคุณมากครับ
โดยส่วนตัวแล้วนะครับ VoIP มีความสำคัญต่อประเทศไทยและคนไทยมากพอสมควร ทั้งในด้านของผู้ใช้บริการรายบุคคล องค์กรธุรกิจ การทำธุรกิจ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้ติดต่อสื่อสารกันในราคาที่ถูกลง มีช่องทางในการติดต่อสื่อสารเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดธุรกิจใหม่ๆขึ้นมา คนที่มีงบประมาณจำกัด ก็สามารถดำเนินธุรกิจได้ เชื่อมั๊ยครับว่า เราสามารถก่อตั้งบริษัทและให้บริการลูกค้าได้ โดยมีพนักงานประมาณ 2-3 คนเท่านั้น และมีเงินลงทุนเริ่มต้นเพียงแค่ 1 แสน บาทหรือต่ำกว่านั้นอีก ส่วนมูลค่าตลาดในปัจจุบันผมไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมีมูลค่าเท่าไหร่กันแน่ แต่ก็พอจะเดาๆได้ว่ามันมากมาย เพราะเมื่อก่อน cat telecom เคยประกาศว่ามีรายได้จากโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศปีละนับหมื่นล้านบาท
ประโยชน์ที่เกิดกับบุคคลธรรมดา1. ทำให้คนไทยได้ใช้โทรศัพท์ในราคาที่ถูกลง โดยเฉพาะโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศประโยชน์นี้มีผลโดยตรงต่อคนไทยครับ เมื่อก่อนการโทรทางไกลระหว่างประเทศมี กสท (การสื่อสารแห่งประเทศไทย - ชื่อใหม่คือ CAT Telecom) ผูกขาดเพียงเจ้าเดียว ค่าโทรศัพท์จึงแพง โทรแต่ละครั้งก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก
และเมื่อเทคโนโลยี VoIP เข้ามา ก็ทำให้ค่าโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศถูกลงมาก ตอนนี้โทรไปอเมริกาเริ่มต้นนาทีละไม่เกิน 50 สตางค์แล้วครับ สาเหตุก็เพราะค่าใช้จ่ายในการลงทุนต่ำมาก ค่าดำเนินงานก็ต่ำ โครงข่ายระหว่างทางก็ไม่ต้องลงทุนเอง เพราะอาศัยโครงข่ายอินเตอร์เน็ตที่มีอยู่แล้ว
ปัจจุบันไม่เพียงแต่คนไทยในประเทศไทยเท่านั้นที่ใช้บริการ VoIP บรรดาชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน ท่องเที่ยว และศึกษา ก็ได้ใช้บริการนี้โทรกลับไปยังประเทศของตนเอง
2. เพิ่มช่องทางใหม่ๆในการติดต่อสื่อสารสมัยก่อนเรามีช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันไม่มากนัก เช่น โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น แต่ในปัจจุบันที่ VoIP เข้ามามีบทบาท ทำให้เรามีช่องทางในการติดต่อเพิ่มมากขึ้น เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์รูปร่างแปลกๆที่ต่อกับสาย LAN แทนที่จะต่อกับเบอร์โทรศัพท์ (เรียกว่า IP Phone), WiFi Phone (รูปร่างคล้ายโทรศัพท์ไร้สาย แต่ใช้คลื่นความถี่เดียวกับ Wireless Lan 802.11a/b/g), Smart Phone, PDA ซึ่งสื่อสารโดยใช้ช่องสัญญาณของ WiFi เป็นต้น
3. ไม่เพียงแต่ได้ยินเสียง ยังเห็นหน้าคู่สนทนาได้อีกด้วยที่ผ่านมาการติดต่อทางโทรศัพท์เรามักจะได้ยินแต่เสียงพูดเท่านั้น แต่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยี VoIP เราสามารถเห็นหน้าของคู่สนทนาได้ด้วย (ติดตั้งอุปกรณ์ที่เรียกว่า Video Phone เพิ่มเติม หรือโปรแกรม Softphone ที่รองรับ Video) เป็นการเพิ่มอรรถรสในการติดต่อสื่อสารอีกรูปแบบหนึ่ง
ประโยชน์ที่เกิดกับองค์กร1. ลดค่าใช้จ่ายในการติดต่อลูกค้า หรือคู่ค้าทางธุรกิจตามปกติบริษัทจะติดต่อกับลูกค้าโดยช่องทางการโทรศัพท์ เทคโนโลยี VoIP จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการโทรหาลูกค้าต่ำลง ปัจจุบันองค์กรต่างๆได้หันมาใช้บริการ VoIP แทบจะทั้งหมดแล้ว เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าทำให้ประหยัดค่าโทรศัพท์ลงไปได้มาก ทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจลดลง องค์กรขนาดใหญ่อาจจะลงทุนติดตั้งระบบ VoIP เป็นของตนเองและเช่าใช้เบอร์โทรศัพท์จากผู้ให้บริการเพื่อใช้ในการโทรออกในราคาต่ำ ส่วนองค์กรขนาดเล็กถึงปานกลางจะใช้วิธีการติดตั้ง VoIP Gateway, VoIP ATA หรือ IP Phone เชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ตไปยังผู้ให้บริการ VoIP
2. สามารถติดต่อกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ครั้งละปริมาณมากๆด้วยเทคโนโลยี VoIP ซึ่งทำให้ค่าโทรศัพท์ลดลง และการประยุกต์ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Predictive Dialer โดยการบันทึกเสียงที่ต้องการประชาสัมพันธ์ไว้ก่อนแล้ว จากนั้นให้ระบบโทรหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายครั้งละหลายๆราย แล้วเล่นเสียงที่ต้องการสื่อถึงกลุ่มลูกค้า โดยไม่ต้องใช้พนักงานเป็นคนพูด หากลูกค้าต้องการข้อแนะนำเพิ่มเติมก็สามารถกดหมายเลขที่กำหนดไว้และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้
3. การติดต่อกับบริษัทสาขาได้ถูกลงก่อนที่จะมีเทคโนโลยี VoIP การติดต่อระหว่างสาขาของบริษัทจะโทรผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานเช่น TOT, TRUE, TT&T หรือผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายอยู่ระดับหนึ่ง แต่เมื่อมีการนำ VoIP เข้ามาใช้ โดยการติดตั้งอุปกรณ์ VoIP Gateway, VoIP ATA, IP Phone ที่สาขาต่างๆ ก็ทำให้ติดต่อระหว่างกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง และฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายทั้งการโทรศัพท์และรับส่งแฟ็กซ์
ในการนำ VoIP เข้ามาใช้งานนั้น องค์กรเพียงลงทุนเพิ่มอีกเล็กน้อย (หลักพันบาทต่อสาขา) แต่สามารถลดต้นทุนค่าโทรศัพท์ลงไปได้มากมาย โครงข่ายเชื่อมต่อสำหรับ VoIP ก็สามารถใช้ร่วมกับโครงข่ายสื่อสารที่มีอยู่แล้วได้ เช่น Internet, Virtual Private Network, Leased Line, Frame Relay, ADSL เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะมีออฟฟิศอยู่ที่ไหนในโลก หากมีอินเตอร์เน็ตเชื่อมต่อถึง ก็สามารถติดต่อกันได้ตลอดเวลาและที่สำคัญไม่เสียค่าใช้จ่าย ต้องขอบคุณเทคโนโลยี VoIP ครับ
4. ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาประชุมนอกจากสามารถลดค่าโทรศัพท์แล้ว เทคโนโลยี VoIP ยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาประชุม และเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางได้อีกด้วย กล่าวคือ เทคโนโลยี VoIP นี้สามารถใช้ในการประชุมได้ ทั้งการประชุมด้วยเสียง (Audio conference) และการประชุมด้วยภาพและเสียง (Video and Audio Conference หรือเรียกสั้นๆว่า Video Conference) ทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาในการเดินทางไปประชุม
5. มีระบบสื่อสารภายในองค์กรโดยใช้งบประมาณลงทุนเล็กน้อยองค์กรที่ต้องการปรับเปลี่ยนระบบสื่อสารเดิมๆ เช่น ตู้สาขาโทรศัพท์แบบอนาล๊อก ที่รองรับความต้องการได้จำกัดและขยายไม่ได้แล้ว ก็สามารถปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบ VoIP ทำหน้าที่แทนได้ สามารถขยายเพิ่มได้เรื่อยๆ จากตู้สาขาโทรศัพท์ธรรมดาก็เปลี่ยนไปเป็นตู้สาขาโทรศัพท์ IP หรือ IP PBX แทน
นอกจากนั้นองค์กรที่ก่อตั้งใหม่ ซึ่งโดยทั่วไปจะติดตั้งตู้สาขาโทรศัพท์ ก็เปลี่ยนไปเป็นติดตั้ง IP PBX แทน ก็จะประหยัดไปได้มาก เพราะสามารถขยายได้เรื่อยๆ และที่สำคัญไม่ต้องเดินสายโทรศัพท์
6. เพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจ สินค้าและบริการ ได้ด้วยงบประมาณที่ไม่แพงองค์กร์ที่จะต้องติดต่อกับลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ต้องให้บริการลูกค้า รับแจ้งปัญหาจากลูกค้า โดยมากมักจะติดตั้งระบบ Call Center ไว้รองรับความต้องการดังกล่าว ระบบ Call Center สามารถนำเทคโนโลยี VoIP มาทำได้ ซึ่งลงทุนไม่มากเพียงแค่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟแวร์ และ IP Phone ก็สามารถมีระบบ Call Center ประสิทธิภาพสูงได้แล้ว
7. ติดต่อสื่อสารระหว่างพนักงานในองค์กรโดยไร้ขีดจำกัดสมัยก่อนเมื่อพนักงานโดยเฉพาะผู้บริหารเดินทางไปต่างประเทศ องค์กรมักจะเปิดบริการ Roaming เบอร์โทรศัพท์เพื่อให้สามารถติดต่อได้เมื่อต้องการ เป็นที่รู้กันดีกว่าอัตราค่าบริการ Roaming คิดเป็นนาที และเป็นจำนวนเงินไม่ใช่น้อยเลย แต่ด้วยเทคโนโลยี VoIP ทำให้ความต้องการ Roaming หมดไป พนักงานสามารถใช้โปรแกรม Softphone ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือใช้ WiFi Phone หรือใช้โปรแกรมในเครื่องโทรศัพท์แบบ Smart Phone ออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตมาที่บริษัท เสมือนหนึ่งเป็นเบอร์ภายในของบริษัท เมื่อต้องการติดต่อก็สามารถโทรหาเบอร์ภายในนั้นได้ทันที
ประโยชน์ในแง่ของการก่อตั้งธุรกิจให้บริการ VoIP1. ทำให้ให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ๆสำหรับบุคคลที่เห็นแนวโน้มการเจริญเติบโตของธุรกิจทางด้าน VoIP ถึงแม้ว่าจะมีงบประมาณการลงทุนจำกัด ก็สามารถเริ่มต้นทำธุรกิจ VoIP ได้ง่ายๆครับ มีพนักงานเพียง 2-3 คน มีเงินลงทุนเริ่มต้นหลักหมื่นปลายๆก็ทำได้แล้ว แต่ที่สำคัญก็คือก่อนให้บริการลูกค้าอย่าลืมขอไลเซ่นจาก กทช ก่อนดำเนินงานนะครับ จะได้ดำเนินธุรกิจได้อย่างสบายใจทั้งผู้ให้และผู้ใช้บริการ
2. เกิดธุรกิจอื่นๆตามมาเมื่อมีผู้ประกอบการทางด้าน VoIP เพิ่มขึ้น ก็จะมีธุรกิจอื่นๆเพิ่มเติมขึ้นมาอีกมาก เช่น
2.1 ผลิตอุปกรณ์ VoIP เช่น VoIP Gateway, ATA, WiFi Phone, IPPBX, GSM + VoIP Gateway เป็นต้น
2.2 ผลิตโปรแกรม VoIP ทั้งโปรแกรมแบบ Open Source และ Commercial เช่นโปรแกรม Asterisk, GNUGK, OpenSIPs, VoIPSwitch, Entice เป็นต้น
2.3 ผลิตโปรแกรม Billing สำหรับเชื่อมต่อกับโปรแกรม VoIP เพื่อคิดค่าบริการโทรออก (และโทรเข้า) เช่นโปรแกรม A2Billing, ASTBilling, Aradial เป็นต้น
2.4 ร้านค้าที่เปิดให้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ โดยมากมักจะติดตั้งไว้ตามโรงแรมที่พัก หรือร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทผู้ให้บริการ VoIP อีกทอดหนึ่ง
2.5 ตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ข้างต้น
2. ทำให้มีการแข่งขันในทางธุรกิจเมื่อมีผู้ให้บริการในตลาดมากขึ้น ก็จะเกิดการแข่งขันกันเองทั้งในด้านการให้บริการและราคา ไม่เช่นนั้นลูกค้าจะเปลี่ยนไปใช้บริการจากผู้ให้บริการรายอื่น ผลประโยชน์จากการแข่งขันดังกล่าวจะตกอยู่ที่ผู้ใช้บริการ ทำให้ได้ใช้บริการที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม
3. ไม่เกิดการผูกขาดทางธุรกิจสมัยก่อนมี กสท ผูกขาดการให้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศเพียงเจ้าเดียว แต่ปัจจุบันนี้มีผู้ให้บริการหลายรายที่ทำแบบเดียวกันได้ ส่งผลโดยตรงต่อผุ้ใช้บริการ
4. ก่อให้เกิดอาชีพใหม่ๆขึ้นมาอาชีพที่ผมว่านี้ก็คือ VoIP Freelance หรืออาชีพมือปืนรับจ้างทางด้าน VoIP ครับ สำหรับคนที่มีประสบการณ์ทางด้านนี้และยังไม่พร้อมที่จะมีธุรกิจเป็นของตนเอง ก็สามารถเป็นมือปืนรับจ้าง เป็นที่ปรึกษาให้แก่บริษัท VoIP ที่เพิ่งจะเริ่มต้นและต้องการผู้ชำนาญการมาช่วยทางด้านเทคนิค รายได้ไม่แพ้ฟรีแลนซ์สาขาอื่นๆครับ ทำงานออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตได้อีกต่างหาก แค่มีโน๊ตบุ๊ค เน็ตบุ๊ค หรือคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ตก็ทำงานได้แล้ว
โดยสรุปแล้วนะครับ เทคโนโลยี VoIP นี้มีประโยชน์มากต่อคนไทยและประเทศไทย ซึ่งคนไทยโชคดีที่รัฐบาลไม่ปิดกั้นเทคโนโลยีนี้ ไม่เหมือนกับบางประเทศที่ถือว่าเป็นของต้องห้าม แต่อย่างไรก็ตามการโทรศัพท์ผ่าน VoIP ก็มีคุณภาพยังไม่เทียบเท่ากับการโทรศัพท์ผ่านช่องทางปกติ แต่ก็ไม่ใช่ว่าถึงกับแย่มากมาย ไม่ได้แย่อะไรมากมายขนาดนั้นหรอกครับ แค่กดโทรออก 10 ครั้ง ก็อาจโทรไม่ติดสัก 1-2 ครั้ง ไม่ก็หลังจากกดเบอร์เสร็จแล้วก็อาจถือสายรอนานขึ้นเล็กน้อย บางครั้งและนานๆครั้งที่โทรๆอยู่สายก็หลุดไปเฉยๆก็มี

หรือถ้าเป็นองค์กรที่เชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ตและใช้ลิ้งค์เดียวทั้งวอยส์และดาต้า บางครั้งอาจมีปัญหาเรื่องเสียงขาดหายบ้าง เสียงสะท้อนบ้าง ซึ่งถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของการติดต่อสื่อสารผ่านช่องทางนี้ เราก็จะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติไม่ซีเรียสอะไรเลยครับ
ปัจจุบันมีผู้ให้บริการโทรศัพท์หลายรายที่กระโดดเข้ามาให้บริการ VoIP ด้วย ได้แก่
- TOT ให้บริการ "TOT NetCall"
- True ให้บริการ "True NetTalk"
- TT&T ให้บริการ "Call Cafe"
- CAT ให้บริการ "Cat2Call, Cat2Call Plus"
และมีผู้ให้บริการรายย่อยได้แก่
- EasySIP ของบริษัท อีซี่ ซิสเต็ม เทเลคอม จำกัด (
www.thaisip.com)
- MouthMun ของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เน็ต จำกัด (
www.mouthmun.com)
บทความข้างบนทั้งหมดนั้น ผมเขียนขึ้นมาด้วยประสบการณ์ที่ได้ทำ VoIP มากว่า 8 ปีนะครับ ถึงแม้ว่าจะไปเหมือนหรือคล้ายกับที่อื่น แต่ผมก็ไม่ได้ไปลอกของเขามานะครับ
