การใช้งาน Outbound Route
โพสต์แล้ว: 18 ธ.ค. 2009 00:06
Outbound Route - เส้นทาง (เร้าท์) ที่ใช้โทรออกจาก Elastix ไปยังภายนอก
"ภายนอก" ในที่นี้หมายถึง"เบอร์ธรรมดา เบอร์มือถือนะครับทั้งในและต่างประเทศ หรือเบอร์ Extension ที่อยู่บน Elastix ตัวอื่น" หรือจะเรียกว่า "การโทรออกไปนอกเครือข่าย" ก็ได้นะครับ " ส่วนการโทรระหว่าง Extension ภายใน Elastix จะไม่ได้ใช้ Outbound Route" นะครับเพราะเป็นการโทรภายในเครือข่าย
การเลือกเร้าท์ก็เหมือนกับการเลือกเส้นทางที่จะใช้โทรออก ถ้าคุณอยู่ที่ออฟฟิศและออฟฟิศมีตู้สาขา PBX มีสายนอก 4 สาย โดยที่ 3 สายแรกต่อกับเบอร์ธรรมดา สายที่ 4 ต่อกับระบบโทรศัพท์ต่างประเทศ เวลาจะโทรออกสายนอก กด "9" ก่อนตามด้วยเบอร์ปลายทางและถ้าจะโทรไปต่างประเทศ กด "8" ก่อนตามด้วยรหัสประเทศและเบอร์ การกด "9" หรือ "8" ก่อนก็คือการเลือก Outbound Route ครับ
นอกจากนั้นที่ตู้สาขายังมีเบอร์ Extension ด้วยซึ่งโทรหากันได้เลยโดยไม่ต้องเลือกเร้าท์ เพราะนั่นเป็นการโทรภายในเครือข่ายนั่นเองครับ
หรือถ้าใครไม่มีตู้สาขาโทรศัพท์ก็ลองนึกถึงโทรศัพท์ที่มี 2 สาย หรือโทรศัพท์มือถือที่มี 2 ซิม เวลาจะโทรออกก็ต้องเลือกใช่มั๊ยครับว่าจะโทรออกทางเบอร์ไหนหรือซิมไหน นั่นแหล่ะคือการเลือก Outbound Route
ตั้งเงื่อนไขการเลือก Route ที่จะใช้โทรออก
การเซ็ต Outbound Route เป็นการตั้งเงื่อนไขว่า ต้องกดเบอร์อะไรนำหน้า มันถึงจะออกมาที่เร้าท์ที่เราต้องการ (ดูรายละเอียดเรื่องเกี่ยวกับเร้าท์ ดูที่กระทู้นี้ครับ) นั่นหมายความว่าเราต้องไปสร้าง Route ไว้ก่อนแล้วไม่งั้นจะไม่มีมาให้เลือก (Route เหมือนกับ Trunk ครับ) เช่น สมมติว่าเรามี Route หนึ่งซึ่งสร้างไว้เพื่อให้ Extension โทรออกสายนอกไปเบอร์ธรรมดาและเบอร์มือถือได้ เราตั้งเงื่อนไขว่ายูสเซอร์ต้องกด 9 แล้วตามด้วยเบอร์ปกติ
และเมื่อยูสเซอร์ซึ่งอยู่ที่เบอร์ Extension เบอร์หนึ่งบน Elastix กด 9 ตามด้วยเบอร์เช่น 90801234567 แล้วโทรออก Elastix จะรับเบอร์เข้ามา แล้วก็จะเห็นว่ามี 9 นำหน้าแสดงว่าต้องการโทรออกสายนอก มันก็จะเช็คว่า 9 นี้ให้ส่งออกทางเร้าท์ไหน มันก็จะตัด 9 ออกก่อน แล้วส่งเบอร์ที่เหลือคือ 0801234567 ออกทางเร้าท์นั้น (ปกติเขาจะตัด 9 ออกก่อนนะครับ ถ้าส่ง 9 ไปด้วยนี่สงสัยว่าจะโทรไม่ได้ครับ)
ถ้าเรามีหลายเร้าท์ แต่ละเร้าท์เราเอามาใช้ 2 ลักษณะดังต่อไปนี้
1. ใช้งานทุกเร้าท์เลย - ถ้าต้องการใช้งานทุกเร้าท์พร้อมๆกัน แบบนี้ต้องตั้งเช็คเบอร์ให้เหมือนกันครับ เช่น 9
2. ใช้เป็นเร้าท์สำรอง - ต้องการใช้เร้าท์หนึ่งเป็นหลัก เร้าท์ที่เหลือเอาไว้สำรอง ก็สามารถทำแบบนี้ได้ใน Elastix ครับ
เอาหล่ะพอได้รู้พื้นฐานกันไปบ้างแล้วนะครับ ต่อไปก็มาเซ็ต Outbound Route บน Elastix กันดีกว่า
"ภายนอก" ในที่นี้หมายถึง"เบอร์ธรรมดา เบอร์มือถือนะครับทั้งในและต่างประเทศ หรือเบอร์ Extension ที่อยู่บน Elastix ตัวอื่น" หรือจะเรียกว่า "การโทรออกไปนอกเครือข่าย" ก็ได้นะครับ " ส่วนการโทรระหว่าง Extension ภายใน Elastix จะไม่ได้ใช้ Outbound Route" นะครับเพราะเป็นการโทรภายในเครือข่าย
การเลือกเร้าท์ก็เหมือนกับการเลือกเส้นทางที่จะใช้โทรออก ถ้าคุณอยู่ที่ออฟฟิศและออฟฟิศมีตู้สาขา PBX มีสายนอก 4 สาย โดยที่ 3 สายแรกต่อกับเบอร์ธรรมดา สายที่ 4 ต่อกับระบบโทรศัพท์ต่างประเทศ เวลาจะโทรออกสายนอก กด "9" ก่อนตามด้วยเบอร์ปลายทางและถ้าจะโทรไปต่างประเทศ กด "8" ก่อนตามด้วยรหัสประเทศและเบอร์ การกด "9" หรือ "8" ก่อนก็คือการเลือก Outbound Route ครับ
นอกจากนั้นที่ตู้สาขายังมีเบอร์ Extension ด้วยซึ่งโทรหากันได้เลยโดยไม่ต้องเลือกเร้าท์ เพราะนั่นเป็นการโทรภายในเครือข่ายนั่นเองครับ
หรือถ้าใครไม่มีตู้สาขาโทรศัพท์ก็ลองนึกถึงโทรศัพท์ที่มี 2 สาย หรือโทรศัพท์มือถือที่มี 2 ซิม เวลาจะโทรออกก็ต้องเลือกใช่มั๊ยครับว่าจะโทรออกทางเบอร์ไหนหรือซิมไหน นั่นแหล่ะคือการเลือก Outbound Route
ตั้งเงื่อนไขการเลือก Route ที่จะใช้โทรออก
การเซ็ต Outbound Route เป็นการตั้งเงื่อนไขว่า ต้องกดเบอร์อะไรนำหน้า มันถึงจะออกมาที่เร้าท์ที่เราต้องการ (ดูรายละเอียดเรื่องเกี่ยวกับเร้าท์ ดูที่กระทู้นี้ครับ) นั่นหมายความว่าเราต้องไปสร้าง Route ไว้ก่อนแล้วไม่งั้นจะไม่มีมาให้เลือก (Route เหมือนกับ Trunk ครับ) เช่น สมมติว่าเรามี Route หนึ่งซึ่งสร้างไว้เพื่อให้ Extension โทรออกสายนอกไปเบอร์ธรรมดาและเบอร์มือถือได้ เราตั้งเงื่อนไขว่ายูสเซอร์ต้องกด 9 แล้วตามด้วยเบอร์ปกติ
และเมื่อยูสเซอร์ซึ่งอยู่ที่เบอร์ Extension เบอร์หนึ่งบน Elastix กด 9 ตามด้วยเบอร์เช่น 90801234567 แล้วโทรออก Elastix จะรับเบอร์เข้ามา แล้วก็จะเห็นว่ามี 9 นำหน้าแสดงว่าต้องการโทรออกสายนอก มันก็จะเช็คว่า 9 นี้ให้ส่งออกทางเร้าท์ไหน มันก็จะตัด 9 ออกก่อน แล้วส่งเบอร์ที่เหลือคือ 0801234567 ออกทางเร้าท์นั้น (ปกติเขาจะตัด 9 ออกก่อนนะครับ ถ้าส่ง 9 ไปด้วยนี่สงสัยว่าจะโทรไม่ได้ครับ)
ถ้าเรามีหลายเร้าท์ แต่ละเร้าท์เราเอามาใช้ 2 ลักษณะดังต่อไปนี้
1. ใช้งานทุกเร้าท์เลย - ถ้าต้องการใช้งานทุกเร้าท์พร้อมๆกัน แบบนี้ต้องตั้งเช็คเบอร์ให้เหมือนกันครับ เช่น 9
2. ใช้เป็นเร้าท์สำรอง - ต้องการใช้เร้าท์หนึ่งเป็นหลัก เร้าท์ที่เหลือเอาไว้สำรอง ก็สามารถทำแบบนี้ได้ใน Elastix ครับ
เอาหล่ะพอได้รู้พื้นฐานกันไปบ้างแล้วนะครับ ต่อไปก็มาเซ็ต Outbound Route บน Elastix กันดีกว่า