หน้า 1 จากทั้งหมด 1

สร้างเบอร์ Extension

โพสต์โพสต์แล้ว: 12 ธ.ค. 2009 15:40
โดย voip4share
ก่อนที่จะสร้างเบอร์ Extension ขอให้ดูรูปต่อไปนี้ก่อนครับ
elastix_diagram.jpg
Elastix Overall Diagram
elastix_diagram.jpg (28.29 KiB) เปิดดู 10136 ครั้ง

จากรูปข้างบนจะเห็นว่ามี Elastix VoIP Server อยู่ในเน็ตเวอร์ค เราต้องการสร้างเครือข่าย VoIP ของเราเอง อาจจะใช้ภายในบริษัท ใช้บริการลูกค้า ใช้ที่บ้าน หรือไว้เพื่อทดสอบก็ได้ ไม่ว่าจะใช้ในกิจการใดก็ตามเราต้องมีอุปกรณ์ที่จะมาลงทะเบียน (หรือรีจิสเตอร์) กับ Elastix เพื่อให้เราติดต่อสื่อสารกันโดยเทคโนโลยี VoIP อันทันสมัย :)
อุปกรณ์ที่จะนำมาเชื่อมต่อ (ต่อไปผมขอเรียกว่า รีจิสเตอร์ นะครับ) จะต้องรองรับโปรโตคอล VoIP อย่างใดอย่างหนึ่งที่ Elastix รองรับ ได้แก่ SIP, H.323, IAX2 เป็นต้น อุปกรณ์เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในวงแลนเดียวกับ Elastix นะครับ พวกมันอาจจะอยู่ในแลนอีกวงหนึ่ง อยู่คนละจังหวัด หรืออยู่คนละประเทศก็ได้ ขอให้เชื่อมถึงกันก็พอ จะเชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ตหรือผ่านวงจรเช่าแบบต่างๆก็ได้ครับ อุปกรณ์ VoIP ก็ได้แก่ Softphone (โปรแกรมที่ติดตั้งในคอมพิวเตอร์ หรือในมือถือแบบ Smartphone), IP Phone รูปร่างเหมือนโทรศัพท์แต่มีพอร์ตต่อแลน, Gateway รูปร่างเป็นกล่องมีพอร์ตต่อกับเบอร์โทรศัพท์, WiFi Phone รูปร่างเหมือนโทรศัพท์ไร้สาย แต่มีไวร์เลสแลนอยู่ภายใน
เมื่อเรามีอุปกรณ์ที่จะรีจิสเตอร์กับ Elastix VoIP Server ของเราแล้ว อุปกรณ์เหล่านี้ต้องมีเบอร์ก่อนครับถึงจะใช้งานได้ เราเรียกทับศัพท์ไปเลยก็ได้ว่า Extension ซึ่งก็ต้องไม่ซ้ำกันครับ เวลาจะโทรหากันก็กดเบอร์ Extension ของคนที่เราจะโทรไป

ก่อนสร้างเบอร์ Extension เราก็ควรเลือกก่อนว่าจะให้มีกี่หลัก ให้มีจำนวนหลักที่เหมาะสมต่อจำนวนคนใช้งาน เช่น ถ้าตั้ง 2 หลัก ก็จะสร้างเบอร์ได้ประมาณ 90 เบอร์ (คือเบอร์ 10 - 99) แต่ละเบอร์ไม่จำเป็นต้องมีจำนวนหลักเท่ากัน บางเบอร์มี 2 หลัก บางเบอร์มี 3 หลักก็ได้ แต่ควรตั้งให้มีจำนวนหลักเท่าๆกันเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย เบอร์ Extension ที่สร้างไว้แล้วไม่สามารถแก้ไขเบอร์ได้ เช่น ตั้งเบอร์ให้คุณกิ๊ก เบอร์ 100 แต่คุณกิ๊กไม่ชอบอยากเปลี่ยนเป็น 101 อย่างนี้ต้องสร้างใหม่ครับ

เบอร์บางเบอร์ถูกจองไว้สำหรับ Elastix ครับ เราเอามาใช้ไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นเบอร์ (ถ้าต้องการเบอร์พวกนี้มาใช้งาน ก็ต้องไปแก้ไขโค๊ดในโปรแกรม Elastix ครับ ซึ่งต้องไล่โค๊ดดู)
200 จองไว้สำหรับทำ Park Notify
300 - 399 ถูกจองไว้สำหรับทำ Speed Dial
666 จองไว้สำหรับ Fax Dialing
70 - 79 จองไว้สำหรับการพักสาย
700 - 799 จองไว้สำหรับการพักสาย
7777 จองไว้เป็นเบอร์สำหรับจำลองการโทรเข้า

เอาหล่ะครับ สมมติว่าต้องการเบอร์ Extension 3 หลักก็แล้วกันครับ มีเบอร์ทั้งหมด 5 เบอร์ก่อน ดังนี้
100 ให้คุณหนุ่ย
101 ให้คุณกิ๊ก
102 ให้คุณจอย
103 ให้คุณกี้
109 ให้ผู้จัดการ

ทั้ง 5 คนนี้มีคอมพิวเตอร์และได้ติดตั้งโปรแกรม Softphone ที่รองรับมาตฐานโปรโตคอล SIP เรียบร้อยแล้ว

ต่อไปก็สร้างเบอร์ Extension มีขั้นตอนการสร้างดังต่อไปนี้

1. คลิ๊กที่เมนู "PBX -> Extensions"
ตรงช่อง "Device" เลือก "Generic SIP Device" ครับ เพราะว่าเราจะสร้าง Extension แบบ SIP นั่นเองครับ ดังรูป เลือกแล้วก็คลิ๊กที่ "Submit"
extensions_sip_small.png
Generic SIP Device
extensions_sip_small.png (24.35 KiB) เปิดดู 10142 ครั้ง


2. ป้อนข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็น
ดังตัวอย่างในรูป
extensions_sip_add_small.png
SIP Extension Parameters
extensions_sip_add_small.png (168.79 KiB) เปิดดู 10142 ครั้ง

ในรูปตัวอย่าง ผมป้อนข้อมูลที่จำเป็นจริงๆครับ ส่วนที่ผมไม่ได้กรอกไว้อันนี้เป็นส่วนเสริมครับ ข้อมูลที่จำเป็นจริงๆก็ได้แก่
-User Extension เป็นเบอร์ Extension ครับ ป้อน 100 เลยสำหรับเบอร์แรก (เบอร์ต่อไปก็ 101, 102, 103 และ 109 ตามลำดับ แตทำทีละเบอร์นะครับ) และเบอร์ Extension นี้อุปกรณ์ VoIP จำเป็นต้องใช้ในการรีจิสเตอร์กับ Elastix ครับ
-Display Name จะแสดงคู่กับเบอร์ Extension ครับ (สร้างแล้วจะเห็นเอง) เป็นการเตือนความจำเราว่าเบอร์นี้เป็นของใคร
-Outbound CID เป็น CallerID ครับ ซึ่งจะแสดงตัวตนของผู้โทร (เบอร์ต้นทาง) ว่าเป็นใคร เบอร์อะไร เวลาป้อนข้อมูลให้ป้อนแบบนี้ครับ
"callerid name" <callerid number> เช่น "Khun Nui" <100> ตามตัวอย่างครับ
รวมเครื่องหมาย "" ด้วย และเว้นวรรคระหว่าง " และ < ด้วยนะครับ
เมื่อ Elastix พบว่าเบอร์นี้โทรไปหาเบอร์อื่น ก็จะส่ง CallerID Name, CallerID Number ไปด้วย ถ้าเบอร์ปลายทางสามารถแสดงได้ทั้งชื่อและเบอร์ของคนโทรเข้า (ปลายทางเป็น Softphone, IPPhone, WiFi Phone) ก็จะเอาชื่อนี้มาแสดงบนหน้าจอขณะที่สายกำลังเรียกเข้าครับ
ถ้าที่เครื่องปลายทางแสดงแต่เบอร์ CallerID Number ก็แสดงว่ามันไม่รองรับการแสดง CallerID Name ครับ
- Secret เป็นพาสเวอร์ดที่โปรแกรม Softphone หรืออุปกรณ์ VoIP ต้องใช้ในการรีจิสเตอร์กับ Elastix ครับ
- DTMF Mode เป็นการตั้งโหมดการรับส่งสัญญาณ DTMF หรือ สัญญาณการกดปุ่มบนแป้นโทรศัพท์ ปกติใช้ในการกดเบอร์ต่อภายใน หรือกดเลือกออปชั่นของระบบ IVR ของปลายทางที่เป็น Call Center ค่านี้ต้องตรงกับ DTMF Mode ในอุปกรณ์ VoIP ที่เราจะใช้งานด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้นเราจะกดเบอร์ต่อไม่ได้

3. เสร็จแล้วกดปุ่ม Submit

4. ที่ด้านขวามือจะมีเบอร์ Extension แสดงขึ้นมาครับ ดังรูป
extension_finish_small.png
Extension Finish
extension_finish_small.png (52.5 KiB) เปิดดู 10142 ครั้ง


5. เข้าไปแก้ไขข้อมูลอีกเล็กน้อยครับ
โดยคลิ๊กที่ Khun Nui <100> ด้านขวามือ
จะมีข้อมูลแสดงคล้ายๆกับรูปในขั้นตอนที่ 2 เลยครับ แต่ข้อมูลจะมากกว่า มองหาตรงที่ "This Device Use SIP Technology" นะครับ
เพิ่มข้อมูลในช่อง Disallow และ Allow ดังรูป จากนั้นคลิ๊กที่ปุ่ม Apply ด้านล่างอีกครั้ง
extensions_codec_small.png
Extension Codec
extensions_codec_small.png (26.62 KiB) เปิดดู 10142 ครั้ง


ข้อมูลในส่วนนี้จะเป็น Codec ครับ ถ้าปกติโดยทั่วไปต้นทางและปลายทางต้องใช้ Codec เดียวกันจึงจะคุยกันได้ แต่ถ้าเราใช้งานผ่าน Elastix แล้วหล่ะก็ไม่ต้องกังวลปัญหาในข้อนี้เลยครับเพราะว่า Elastix จะแปลงให้ (Codec Translation) แต่ก็จะสิ้นเปลืองทรัพยากรในเครื่องบ้างแต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เครื่องทำงานไหวอยู่แล้ว ใน Disallow ให้ใส่เป็น All นะครับหมายความว่าเรา Disallow ทุกๆ Codec ส่วนตรง Allow ใส่ Codec ที่ อุปกรณ์ VoIP (ที่เราจะเอาเบอร์นี้ไปคอนฟิกใส่) รองรับ สนับสนุนครับ ในตัวอย่างคือ G.723.1, G.729 และ G.711alaw เรียงตามลำดับ

มีปัญหาหนึ่งสำหรับมือใหม่หัดใช้ Elastix ก็คือ เวลาใส่โคเด็ก G.711 u/a แล้วใส่ผิดครับ ต้องใส่เป็น alaw (สำหรับ G.711 alaw) หรือ ulaw (สำหรับ G.711 ulaw) อย่าใส่ผิดนะครับ เดี๋ยวจะไม่เวอร์ค, G.723.1 ใส่เป็น g723 หรือ g723.1 ก็ได้, G.729 ใส่เป็น g729 ครับ, GSM ใส่เป็น gsm ถ้ามีมากกว่า 1 โคเด็คก็ใส่เครื่องหมาย & หรือ , เชื่อมนะครับ

ไหนๆก็พูดถึง Codec แล้ว ก็ขออนุญาตพูดถึง G.729 และ G.723.1 เพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อยนะครับ โดยดีฟอลท์แล้วนั้น Elastix (ที่จริงต้องบอกว่าเป็น Asterisk จะถูกต้องกว่านะครับ) ไม่รองรับ G.729 เลย และสำหรับ G.723.1 นั้นรองรับแบบ Transparent หมายความว่า ใช้ G.729 ไม่ได้ ส่วน G.723.1 นั้นต้นทางและปลายทางต้องรองรับ G.723.1 ด้วยกันทั้งคู่จึงจะคุยกันได้

แล้วทำไงถึงจะใช้ G.729 ได้หล่ะเพราะว่าถ้าจะติดต่อกับโลกภายนอกเขาก็ใช้ G.729 ไม่ก็ G.723.1 กันทั้งนั้น ผมมีทางเลือกให้ 2 ทางคือ
- ซื้อ G.729 License มาติดตั้งเพิ่มเติม ราคาประมาณ $10USD ต่อ 1 License ซื้อได้ที่เว็บไซต์ของ Digium ซื้อแล้วก็เอามาติดตั้งเพิ่มเติมตามที่แนะนำในคู่มือ
- ดาวน์โหลด G.729 และ/หรือ G.723.1 ฟรี มาติดตั้งเพิ่ม วิธีการติดตั้ง G.723, G.729

6. จากนั้นกดที่แถบสีชมพูด้านบน ดังรูปครับ
extensions_apply.png
Apply Change
extensions_apply.png (2.04 KiB) เปิดดู 10142 ครั้ง


เป็นอันว่าเสร็จแล้วครับการสร้างเบอร์ Extension เบอร์ 100 ต่อไปก็สร้างเบอร์ 101 ต่อได้เลยครับ สร้างจนครบทั้ง 5 เบอร์

ทริกเล็กๆน้อยๆครับ ขั้นตอนที่ 6 ซึ่งเป็นการคลิ๊กที่แถบสีชมพูนั้น ไม่จำเป็นต้องคลิ๊กทุกครั้งที่สร้างแต่ละเบอร์เสร็จนะครับ เราสามารถสร้างจนครบทั้ง 5 เบอร์ก่อน แล้วค่อยคลิ๊กที่เดียว แต่อย่าลืมคลิ๊กนะครับ ถ้าไม่คลิ๊กก็ยังใช้งานไม่ได้

สร้างเสร็จแล้วก็เอาไปคอนฟิกใส่ไว้ใน Softphone ครับ โดยเอาค่า User Extension และ Secret ไปใช้ ลองดูตัวอย่างการคอนฟิกในหัวข้อ Softphone ได้เลยครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง
เทคนิคการแก้ไขไม่ให้ Elastix ฟ้องเวลาเราตั้งพาสเวอร์ด secret ง่ายๆ